อันตราย! เหงือกบวมแบบไหน? ที่ต้องพบแพทย์ทันที พร้อม 10 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

อันตราย! เหงือกบวมแบบไหน_ ที่ต้องพบแพทย์ทันที พร้อม 10 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

Loeidental จะมาให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับอาการ เหงือกบวม อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยที่หลายคนมองข้าม แต่บางครั้งอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพช่องปากที่ร้ายแรง หากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อฟันและสุขภาพโดยรวมได้ วันนี้เราจะมาดูกันว่า เหงือกบวมแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์ทันที และ 10 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น ที่ช่วยบรรเทาอาการก่อนพบแพทย์กันนะคะ

อาการเหงือกบวมแบบไหน? ที่เราต้องพบแพทย์ทันที

1. เหงือกบวมแดง และปวดรุนแรง

หากคุณรู้สึกปวดเหงือกอย่างรุนแรงร่วมกับเหงือกบวมแดง อาจเป็นสัญญาณของ เหงือกอักเสบขั้นรุนแรง (Periodontitis) หรือ การติดเชื้อในเหงือก ที่อาจลุกลามไปกระดูกขากรรไกรได้

2. มีหนอง หรือมีกลิ่นปากรุนแรง

หากเหงือกบวมร่วมกับการมี หนอง หรือ กลิ่นปากเหม็นมากผิดปกติ อาจเป็นอาการของ ฝีหนองที่เหงือก (Gum Abscess) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หากปล่อยไว้อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังฟันหรือกระแสเลือด

3. เหงือกบวมมาก จนปิดคลุมฟันบางส่วน

หากเหงือกของคุณบวมมากจนปิดบางส่วนของฟัน โดยเฉพาะ ฟันกรามซี่ในสุด อาจเกิดจาก ภาวะเหงือกครอบฟัน (Pericoronitis) ซึ่งพบได้บ่อยในคนที่มีฟันคุด หากมีหนองหรือปวดรุนแรงต้องรีบพบแพทย์

4. เลือดออกจากเหงือกบ่อยๆ

หากแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันแล้วเหงือกมีเลือดออกเป็นประจำ นี่อาจเป็นสัญญาณของ โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นของโรคปริทันต์ที่อาจทำให้ฟันโยกและหลุดในระยะยาว

5. เหงือกบวมเรื้อรัง ไม่ยุบลงภายใน 2 สัปดาห์

หากเหงือกบวมเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ โดยไม่มีอาการดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ อาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือภาวะร้ายแรงเช่น มะเร็งช่องปาก

10 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อเหงือกบวม

1. แปรงฟันอย่างอ่อนโยน ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม และแปรงฟันอย่างเบามือเพื่อไม่ให้ระคายเคืองเหงือกมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้แปรงขนแข็งที่อาจทำให้เหงือกอักเสบมากขึ้น

2. ใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี การสะสมของเศษอาหารและคราบพลัคเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของเหงือกบวม ควรใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ แต่ต้องทำอย่างเบามือเพื่อป้องกันการระคายเคือง

3. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ น้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้ง่ายๆ เพียงผสมน้ำอุ่นกับเกลือเล็กน้อย แล้วกลั้วปาก 30 วินาที วันละ 2-3 ครั้ง

4. ใช้น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ เลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสาร Chlorhexidine หรือ Cetylpyridinium Chloride ซึ่งช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและลดอาการอักเสบ

5. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมหากเหงือกบวมและรู้สึกปวด ให้ใช้ ผ้าห่อน้ำแข็ง หรือ เจลประคบเย็น แตะบริเวณแก้มด้านนอกเพื่อลดอาการบวม

6. หลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัด หรือรสจัด อาหารร้อนหรือเผ็ดจัดอาจทำให้เหงือกระคายเคืองมากขึ้น ควรเลือกอาหารอ่อนๆ และมีอุณหภูมิพอดี

7. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ร่างกายสามารถขจัดแบคทีเรียในช่องปากได้ดีขึ้น และช่วยลดการสะสมของคราบพลัค

8. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และแอลกอฮอล์ บุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นตัวการทำให้เหงือกอักเสบและทำให้แผลหายช้าลง หากกำลังมีปัญหาเหงือกบวม ควรงดสิ่งเหล่านี้

9. รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี และแคลเซียมสูง วิตามินซีช่วยให้เหงือกแข็งแรงขึ้น เช่น ส้ม ฝรั่ง และมะเขือเทศ ส่วนแคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน เช่น นม และปลาตัวเล็ก

10. ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ หากคุณมีปัญหาเหงือกบวมบ่อย ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากทุกๆ 6 เดือน เพื่อป้องกันโรคเหงือกและฟันผุ

อาการเหงือกบวมอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่ถ้าพบว่ามีอาการ ปวดรุนแรง มีหนอง เลือดออก หรือบวมเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจลุกลาม

จากข้อมูลหากคนไข้มีอาการยังไม่รุนแรง ลองดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วย การรักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดี การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เหงือกระคายเคือง และอย่าลืมตรวจฟันเป็นประจำเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีในระยะยาว หากมีข้อกังวลหรือต้องการปรึกษาคุณหมอสามารถเดินทางเข้ามาที่คลินิก ปรึกษากับคุณหมอโดยตรงได้ค่ะ

Scroll to Top