ในปัจจุบัน การรักษาปัญหาฟันหักหรือฟันหลุดด้วยวิธีการต่าง ๆ นั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก หนึ่งในวิธีที่มีความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพคือการทำ รากฟันเทียม (Dental Implant) ซึ่งเป็นการเสริมฟันใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับฟันธรรมชาติที่สุด แต่หลายคนอาจยังไม่ค่อยรู้จักและสงสัยว่า ทำรากฟันเทียมแพงไหม? และ รากฟันเทียมมีกี่ประเภท? ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรากฟันเทียม การรักษานี้มีข้อดีอย่างไร? และอะไรที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียม
รากฟันเทียมคืออะไร?
รากฟันเทียม คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป หรือฟันที่ไม่สามารถรักษาได้ โดยจะมีลักษณะเป็นแท่งโลหะที่มีรูปร่างคล้ายกับรากฟันธรรมชาติ ทำจากวัสดุไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือไม่ทำให้เกิดการแพ้และสามารถยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้อย่างมั่นคง หลังจากนั้นจะทำการติดฟันปลอม (Crown) หรือสะพานฟัน (Bridge) ลงบนรากฟันเทียม เพื่อให้ฟันใหม่มีรูปร่างและการทำงานเหมือนฟันธรรมชาติ

วิธีการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมจะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เริ่มจากการตรวจสภาพช่องปากและการวางแผนการรักษากับทันตแพทย์ ซึ่งอาจต้องทำการเอ็กซเรย์หรือสแกนเพื่อวิเคราะห์กระดูกขากรรไกร ก่อนที่จะทำการฝังรากฟันเทียม โดยทันตแพทย์จะฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรและรอให้มันเชื่อมต่อกับกระดูกอย่างมั่นคง (ระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน) หลังจากนั้นจะติดตั้งฟันปลอมที่ทำขึ้นมาเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน โดยการติดตั้งฟันจะทำในขั้นตอนสุดท้าย
ทำรากฟันเทียมแพงไหม?
หลายคนมักสงสัยว่า การทำรากฟันเทียมราคาเท่าไหร่ คำตอบคือราคาการทำรากฟันเทียมมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วัสดุที่ใช้ในการทำรากฟันเทียม, ประเภทของฟันปลอมที่ใช้, การดูแลหลังทำ และคลินิกที่เลือกทำการรักษา ค่าใช้จ่ายในการทำรากฟันเทียมในประเทศไทยเริ่มต้นที่ประมาณ 20,000-40,000 บาทต่อซี่ ขึ้นอยู่กับประเภทวัสดุและฟันที่ใช้ การรักษารากฟันเทียมจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาฟันปลอมทั่วไป แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเนื่องจากความทนทานและความคล้ายคลึงกับฟันธรรมชาติ
โดยปกติแล้ว การทำรากฟันเทียมจะประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายหลายรายการ เช่น ค่าปรึกษาทันตแพทย์, ค่าฝังรากฟันเทียม, ค่าฟันปลอม (Crown หรือ Bridge) และค่าใช้จ่ายหลังการดูแลรักษา ซึ่งอาจมีการตรวจติดตามฟันอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนฟันปลอมเมื่อฟันเสียหาย รวมถึงการตรวจเช็กกระดูกขากรรไกรอย่างสม่ำเสมอ
รูปแบบการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายรูปแบบ ตามความต้องการและสภาพช่องปากของคนไข้ ซึ่งจะมีลักษณะและขั้นตอนที่แตกต่างกันดังนี้

1. รากฟันเทียมเดี่ยว (Single Implant)
รากฟันเทียมเดี่ยวคือการฝังรากฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันหนึ่งซี่ที่สูญเสียไป ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันมากที่สุดในกรณีที่คนไข้สูญเสียฟันซี่เดียว โดยทันตแพทย์จะฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรและติดตั้งฟันปลอมที่ทำขึ้นมาเฉพาะ
2. รากฟันเทียมหลายซี่ (Multiple Implants)
สำหรับกรณีที่คนไข้สูญเสียฟันหลายซี่ เช่น ฟันกรามหรือฟันหน้าหลายซี่ รากฟันเทียมหลายซี่จะถูกใช้เพื่อทดแทนฟันที่สูญหาย โดยอาจต้องทำการฝังรากฟันเทียมในหลายตำแหน่งและติดฟันปลอมหลายซี่หรือสะพานฟัน (Bridge) ขึ้นอยู่กับจำนวนฟันที่ต้องการทดแทน
3. รากฟันเทียมทั้งปาก (All-on-4 Implants)
การทำรากฟันเทียมทั้งปากเป็นการทำรากฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันทั้งหมดในปาก โดยใช้รากฟันเทียมเพียง 4 ซี่ในการรองรับฟันปลอมทั้งหมด ซึ่งเป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องฝังรากฟันเทียมจำนวนมาก แต่ยังสามารถได้ผลลัพธ์ที่ดีและทนทานเหมือนฟันธรรมชาติ
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
- ทนทาน รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10-15 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และมีความทนทานต่อการใช้งานหนัก
- เหมือนฟันธรรมชาติ รากฟันเทียมมีรูปร่างและการทำงานคล้ายกับฟันธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเคี้ยวอาหารได้เหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลเรื่องฟันปลอมหลุด
- ไม่ต้องเสียฟันข้างเคียง ต่างจากการทำสะพานฟัน (Bridge) ที่ต้องกรอฟันข้างเคียงออก การทำรากฟันเทียมไม่ต้องพึ่งพาฟันข้างเคียง
- ช่วยป้องกันการสูญเสียกระดูก การฝังรากฟันเทียมช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกรให้ยังคงแข็งแรงและมีสุขภาพดี ลดโอกาสการสูญเสียกระดูกในบริเวณที่ฟันหายไป
ข้อเสียของการทำรากฟันเทียม
- ค่าใช้จ่ายสูง รากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องเสริมกระดูกหรือทำการรักษาที่ซับซ้อน
- ใช้เวลานานในการฟื้นฟู การทำรากฟันเทียมต้องใช้เวลาหลายเดือนในการรอให้รากฟันเทียมเชื่อมกับกระดูกขากรรไกร ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูระยะหนึ่ง
- ความเสี่ยงในการผ่าตัด การฝังรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง หากไม่ทำตามขั้นตอนอย่างระมัดระวังอาจเกิดการติดเชื้อหรือปัญหาการสมานแผลได้

การทำรากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดีในการทดแทนฟันที่เสียไป ทำให้ฟันกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม แต่ก่อนตัดสินใจทำรากฟันเทียมควรพิจารณาให้รอบคอบ รวมถึงการเลือกทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพช่องปากของคุณ